สวัสดีครับพี่ ๆ วันนี้น้อง เทรดสั้น ขยันซอย จะมาแนะนำอินดิเคเตอร์อีกตัวนึงบน TradingView กัน ซึ่งจากการใช้งานสูตรนี้จะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับพี่ ๆ ได้อย่างแน่นอน และกลยุทธ์นี้สามารถนำไปใช้กับคู่สกุลเงินได้หลายคู่ และนำไปปรับใช้กับอัตราความเสี่ยง-กำไรที่หลากหลายได้เลย ทำให้พี่ ๆ เทรดเดอร์นำไปปรับให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเองได้เลยคร้าบบ
สายเทรดรายวัน ต้องทำความรู้จักกับ EMA Trend Meter
ก่อนอื่นน้องจะพาพี่ ๆ ไปทำความรู้จักกับ อินดิเคเตอร์ที่มีชื่อว่า “EMA Trend Meter” ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้วัดและติดตามแนวโน้มของราคาในตลาดการเงิน โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเสมือน (Exponential Moving Average – EMA) ซึ่งเป็นการวัดค่าเฉลี่ยที่ให้น้ำหนักของราคาที่เกิดขึ้นล่าสุดมากกว่าราคาที่เก่า จากการเน้นไปที่การหาแนวโน้มของราคาในระยะสั้น ทำให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้อย่างรวดเร็ว และทำให้การเทรดรายวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นเองคร้าบ
อินดิเคเตอร์ “EMA Trend Meter” ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ช่วยระบุแนวโน้มและจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ในตลาด เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย ที่ใช้ในการเทรดสั้นได้ดี
มาดูตัวอย่างการใช้งาน อินดิเคเตอร์ EMA Trend Meter กัน
พี่ ๆ สามารถใช้งานได้ที่ TradingView เลยนะครับ ในส่วนของอินดิเคเตอร์ให้พี่ ๆ ค้นหา “EMA Trend Meter by Colinmck” แล้วเพิ่มเข้ามา
ระบบการทำงานของอินดิเคเตอร์ตัวนี้ เค้าจะใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (EMA) 3 เส้น เพื่อให้พี่ ๆ ได้เห็นภาพที่ชัดเจนของทิศทางตลาดได้มากขึ้น ทริกง่าย ๆ ของน้องคือ ให้คิดว่าสิ่งนี้มันเป็นเหมือนกับสัญญาณไฟจราจร สีเขียวหมายถึงให้เปิดสถานะซื้อ (Long) และสีแดงหมายถึงให้เปิดสถานะขาย (Short) คราวนี้เรามาตั้งค่าการใช้งานอย่างละเอียด กันเลยครับ
- Baseline length : 13
- Fast EMA : 21
- Medium EMA : 34
- Slow EMA : 55
และเพื่อให้กราฟดูสะอาดตา ให้ปิดตัวเลือก “Shapes” อันแรกในแท็บสไตล์ครับ
อย่าลืมกด “ปิด” ตัวเลือก “Shapes” อันแรกในแท็บสไตล์ด้วยนะครับ เพื่อการเทรดที่สะอาดตา เป็นระเบียบ
การอ่านสีใน EMA Trend Meter
คราวนี้เรามาดู การอ่านสีใน EMA Trend Meter กันเลยครับ โดยที่ในแต่ละแถวของอินดิเคเตอร์จะแทนค่า EMA เมื่อเทียบกับเส้น Baseline สีเขียวหมายถึง EMA อยู่เหนือ Baseline (แนวโน้มขาขึ้น) และสีแดงหมายถึง EMA อยู่ต่ำกว่า Baseline (แนวโน้มขาลง) วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ
- เมื่อทั้ง 3 แถวเรียงตัวเป็นสีเดียวกันทั้งหมด สิ่งนี้แสดงถึง “แนวโน้มที่แข็งแกร่ง”
- แต่ถ้าหากเป็นสีเขียวทั้งหมด ก็จะหมายถึงภาวะตลาดกระทิง
- ถ้าเป็นสีแดงทั้งหมด สิ่งนี้ก็จะหมายถึงภาวะตลาดหมี
จากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีจะทำให้พี่ ๆ ระบุโอกาสการเทรดที่มีความเป็นไปได้สูง ได้มากเลยครับ
เป็นสีเขียวทั้งหมด หมายถึงภาวะตลาดกระทิง เป็นสีแดงทั้งหมด หมายถึงภาวะตลาดหมี พยายามสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีจะทำให้เข้าใจแนวโน้มได้มากขึ้น
เบิกตัวช่วย Stochastic Momentum Index (SMI)
เอาละ คราวนี้เพื่อเสริมกลยุทธ์การเทรดของเราให้มีมิติที่ลึกขึ้น น้องจะขอเบิกตัวช่วยอย่าง “อินดิเคเตอร์ SMI” มาเสริมทัพเพิ่มเติม อินดิเคเตอร์ตัวนี้จะใช้ในการตรวจสอบภาวะที่ราคาสินทรัพย์อยู่ในโซน Overbought หรือ Oversold หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “Stochastic Momentum Index” เป็นอินดิเคเตอร์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโมเมนตัมของตลาด ทำให้พี่ ๆ เข้าใจถึงการเคลื่อนไหวของราคา และจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้แม่นขึ้นครับ
ตอนที่เพิ่มเข้าไปในกราฟแล้ว ขอแนะนำให้เปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์เป็นสีขาว และเพิ่มความชัดเจนให้เป็น 100% ในแท็บสไตล์ จะทำให้การใช้งานจริงเห็นชัดง่ายขึ้นครับ
การใช้ SMI จะทำให้เราสามารถระบุภาวะที่ตลาดมีการซื้อเกิน (Overbought) หรือขายเกิน (Oversold) ได้ดีขึ้น และเมื่อนำมารวมกับการใช้งาน EMA Trend Meter คราวนี้เราก็จะได้ระบบการเทรดที่แข็งแกร่ง! ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการส่งสัญญาณ การเข้าและออกการเทรดที่มีความเป็นไปได้สูงครับ
การใช้งาน SMI ในการเทรด
เมื่อเส้นสีขาวของ SMI ต่ำกว่าเส้นสีน้ำเงินล่าง (ประมาณ -40) สิ่งนี้บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในภาวะ Oversold ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการซื้อหากแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อเส้นสีขาวของ SMI สูงกว่าเส้นสีน้ำเงินบน (ประมาณ +40) สิ่งนี้บ่งบอกว่าตลาดอยู่ในภาวะ Overbought ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการขายหากแนวโน้มหลักเป็นขาลง
การเปิดสถานะซื้อ (Long Trade)
- แนวโน้มขาขึ้น แถวใน EMA Trend Meter ทั้งหมดเป็นสีเขียว บ่งบอกภาวะตลาดกระทิง
- ภาวะตลาดที่ย่อตัว เส้นสีขาวของ SMI ต่ำกว่า -40 แสดงภาวะ Oversold
- การกลับตัวของโมเมนตัม เส้นสีขาวของ SMI ตัดเส้นสีแดงขึ้นมา บ่งบอกโมเมนตัมที่เป็นขาขึ้น
เมื่อทุกเงื่อนไขนี้ครบถ้วน ให้พี่ ๆ เปิดสถานะ Long และตั้งจุด Stop Loss ไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุด และตั้งเป้าหมายกำไรที่ 2 เท่าของความเสี่ยงที่รับได้เลยครับ
เส้นสีขาวของ SMI ต่ำกว่า -40 แสดงภาวะ Oversold, เส้นสีขาวของ SMI สูงกว่าเส้นสีน้ำเงินบน (ประมาณ +40) แสดงภาวะ Overbought และการกลับตัวของโมเมนตัม เส้นสีขาวของ SMI ตัดเส้นสีแดงขึ้นมา บ่งบอกโมเมนตัมที่เป็นขาขึ้น
การเปิดสถานะขาย (Short Trade)
- แนวโน้มขาลง แถวใน EMA Trend Meter ทั้งหมดเป็นสีแดง บ่งบอกภาวะตลาดหมี
- ภาวะตลาดที่ย่อตัว SMI สูงกว่า +40 แสดงภาวะ Overbought
- การกลับตัวของโมเมนตัม SMI ตัดเส้นสีแดงลงมา แสดงโมเมนตัมที่เป็นขาลงที่แข็งแกร่ง
เมื่อครบทุกเงื่อนไข ให้พี่ ๆ เปิดสถานะ Short และตั้งจุด Stop Loss ไว้สูงกว่าจุดสูงสุดล่าสุด และตั้งเป้าหมายกำไรที่ 2 เท่าของความเสี่ยงเอาไว้เลย
ในระยะเวลา 1 เดือน จากการเทรดด้วยอัตราความเสี่ยง-กำไร 1:1 และ 1:2 พบว่ามีอัตราชนะสูงถึง 61%
ผลการทดสอบ การใช้ EMA Trend Meter คู่กับ SMI
จากการทดสอบกลยุทธ์นี้ ในการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD ในระยะเวลา 1 เดือน ทำให้ประเมินความแม่นยำและความสามารถในการทำกำไรของกลยุทธ์นี้ ดังนี้ครับ
- จากการเทรดด้วยอัตราความเสี่ยง-กำไร 1:1 และ 1:2 พบว่ามีอัตราชนะสูงถึง 61%
- และจากการเทรด 100 ไม้ มีการเทรดที่ชนะ 61 ครั้ง และแพ้ 39 ครั้ง ซึ่งถือว่าดีเยี่ยม ในด้านการจัดการความเสี่ยง เพราะเป็นความเสี่ยงเพียง 2% ต่อการเทรด 1 ครั้ง
สรุป
เมื่อนำ EMA Trend Meter และ SMI มาใช้งานร่วมกัน สิ่งนี้ก็จะช่วยสร้างระบบเทรดที่แข็งแกร่งได้ และยังเป็นการใช้ประโยชน์จากการกลับตัวของแนวโน้ม และการย่อตัวของตลาด ได้ในระดับสูง และข้อดีของกลยุทธ์นี้คือ พี่ ๆ สามารถทำกำไรได้แม้ว่าจะมีการเทรดน้อย ยกตัวอย่างถ้าพี่ ๆ เทรดแค่ 20 ครั้ง ด้วยอัตราความเสี่ยง-กำไรที่ 1 ต่อ 1.5 และคงการจัดการความเสี่ยงที่ไม่เสี่ยงเกิน 2% ต่อการเทรด พี่ ๆ ก็จะสามารถคาดหวังได้ว่าการเทรดอย่างน้อย 13 ครั้งจะสามารถทำกำไรได้ และกลยุทธ์นี้ยังสามารถนำไปใช้ได้กับหลายคู่สกุลเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อีกด้วย และถ้าอยากศึกษากลยุทธ์การเทรดรายวันให้มากกว่านี้ ติดตามอ่านบทความต่อไปได้เลยคร้าบบ
รับชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=lIOKu2sxrSM