แหล่งข้อมูลนักเทรด scalping

การเป็นนักเทรดสาย Scalping ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ความรวดเร็วในการตัดสินใจ แต่ต้องมาจาก “ข้อมูล” ที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ที่นี้คือแหล่งข้อมูลที่สำคัญที่จะช่วยยกระดับการเทรด Scalping ของคุณให้แม่นยำ มีระบบ และเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

Scalping คืออะไร?

Scalping คือรูปแบบการเทรดระยะสั้น (Short-term Trading) ที่เน้นการเข้าและออกออเดอร์ภายในเวลาไม่กี่นาที โดยหวังเก็บกำไรเล็ก ๆ หลายครั้งตลอดวัน เทรดเดอร์สาย Scalping มักใช้ Time Frame เล็ก เช่น 1 นาที, 5 นาที หรือ 15 นาที และเน้นทำกำไรจากความเคลื่อนไหวราคาเล็กน้อย แต่ด้วยความถี่สูง

เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความรวดเร็ว ตัดสินใจไว และโฟกัสเฉพาะช่วงเวลาที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวแรง

เทรด Scalping ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง?

โครงสร้างราคา (Price Action)
รู้จักแนวรับแนวต้าน แรงซื้อ-แรงขาย จุดกลับตัว

ทักษะการใช้งาน Indicator พื้นฐาน
เช่น RSI, Stochastic, Moving Average, Bollinger Bands

ความสามารถในการวิเคราะห์กราฟระยะสั้นใช้ Time Frame เล็กและมองหาจังหวะเข้าเทรดเฉียบคม

Money Management ที่เข้มงวด
เนื่องจากการเปิดหลายออเดอร์ต่อวัน ต้องคุมความเสี่ยงอย่างแม่นยำ

ควบคุมอารมณ์ได้ดี
Scalping ต้องใช้การตัดสินใจไวมาก จึงต้องไม่โลภ ไม่กลัว ไม่ลังเล

🕒 ช่วงเวลาและตลาดแบบไหนเหมาะกับการเทรด Scalping?

ตลาดและช่วงเวลาที่เหมาะ

  • ช่วง London Session (14:00 – 18:00 น. ตามเวลาไทย)
    มี Volume สูง ราคาวิ่งเร็ว เหมาะกับ Scalping มาก

  • ช่วงต้น New York Session (19:00 – 22:00 น.)
    ราคาแกว่งแรง มีข่าวและ Volume หนาแน่น

  • คู่เงินที่มี Spread แคบ เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY

ตลาดที่ไม่เหมาะ

  • ช่วงตลาดปิดหรือ Volume ต่ำ
    เช่นช่วงพักตลาด Sydney–Tokyo

  • ช่วงก่อนข่าวใหญ่ ราคาจะเหวี่ยงผิดธรรมชาติ

  • ตลาดผันผวนแรงเกินไป
    เช่นหลังประกาศข่าว FOMC, NFP

🏦 โบรกเกอร์ที่อนุญาตให้เทรด Scalping ได้

ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์จะเหมาะกับการ Scalping — ต้องเลือกโบรกที่มีคุณสมบัติดังนี้

ตัวอย่างโบรกเกอร์ที่นิยมในกลุ่มสาย Scalping

Exness (บัญชี Raw Spread)

IC Markets

Pepperstone

 

HFM (บัญชี Zero)

 

Tickmill

ข้อดี – ข้อเสียของการเทรด Scalping

ข้อดีของการเทรด Scalping

  • กำไรบ่อยครั้ง
    Scalping เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อย แต่สามารถเกิดขึ้นหลายครั้งในแต่ละวัน การสะสมกำไรเล็กๆ หลายครั้งสามารถรวมเป็นผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

  • ลดความเสี่ยงระยะยาว
    การถือสถานะในระยะเวลาสั้นช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในระยะยาว เช่น ข่าวสำคัญที่อาจส่งผลต่อราคาแบบไม่คาดคิด

  • เหมาะกับทุกสภาวะตลาด
    ไม่ว่าตลาดจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง การเทรด Scalping สามารถทำกำไรได้จากความเคลื่อนไหวเล็กๆ ของราคา ทำให้ไม่จำเป็นต้องรอจังหวะตลาดใหญ่

  • ความยืดหยุ่นในกลยุทธ์
    Scalping เปิดโอกาสให้นักเทรดปรับใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวชี้วัด หรือ EA (Expert Advisor) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด

  • เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีเวลาจำกัด
    เนื่องจากไม่ต้องถือสถานะเป็นเวลานาน การ Scalping จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการทำกำไรในระยะเวลาสั้นๆ และต้องการความรวดเร็ว

ข้อเสียของการเทรด Scalping

  • ต้องใช้สมาธิสูง
    Scalping ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งอาจทำให้นักเทรดเกิดความเหนื่อยล้าหรือความเครียดจากการเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา
  • ค่าธรรมเนียมสูง
    เนื่องจากต้องเปิดคำสั่งซื้อขายหลายครั้งในหนึ่งวัน ค่าธรรมเนียมและสเปรดสะสมอาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ โดยเฉพาะหากใช้โบรกเกอร์ที่มีต้นทุนการเทรดสูง
  • ความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวเร็ว
    แม้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาจะเล็กน้อย แต่หากผิดทาง การขาดทุนก็อาจสะสมจนเกิดความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว
  • ข้อจำกัดทางเทคนิค
    ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียรและแพลตฟอร์มการเทรดที่รวดเร็ว หากระบบล่าช้าหรือเกิดข้อผิดพลาด อาจส่งผลให้พลาดโอกาสทำกำไรหรือขาดทุนเกินความจำเป็น
  • ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น
    Scalping ต้องการทักษะและประสบการณ์ที่มากพอในการวิเคราะห์ตลาด รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับนักเทรดมือใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญ.

 

10 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ scalping เทรด

เป็นกลยุทธ์การเทรดที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสั้นๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ

เหมาะกับนักเทรดที่มีเวลาติดตามตลาด มีทักษะตัดสินใจเร็ว และรับความเสี่ยงได้

ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ แต่ควรมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการบริหารความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย

ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น Moving Averages, RSI, Bollinger Bands และแพลตฟอร์มที่มีความเร็วสูง

ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง เช่น Forex, ดัชนีหุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์

ช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง เช่น ช่วงเปิดตลาดยุโรปและอเมริกา

สามารถใช้ EA (Expert Advisor) เพื่อช่วยวิเคราะห์และดำเนินคำสั่งได้

ทักษะการอ่านกราฟ การวิเคราะห์เทคนิค การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมอารมณ์

การเทรดหนึ่งคำสั่งอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีถึงไม่กี่นาที

ความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่คาดคิด ค่าธรรมเนียมสะสม และความผิดพลาดจากความรวดเร็ว.