เทคนิคลับ! ที่คนไม่อยาก โดน Breakout สับขาหลอก ต้องรู้เรื่องนี้

ไม่อยาก โดน Breakout สับขาหลอก ต้องรู้เรื่องนี้

Highlight

  • ระบุแท่งเทียนโมเมนตัม มองหาแท่งเทียนขนาดใหญ่ หรือแท่งเทียนสามแท่งติดกันที่ทะลุผ่านแนวต้าน เพื่อยืนยันการ Breakout ไม่ใช่เพียงแค่เช็กราคาที่ข้ามเส้นเท่านั้น
  • กลยุทธ์การตั้ง Stop-loss ตั้งคำสั่ง Stop-loss ไว้ใต้แนวต้านเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยง ในกรณีเกิด Breakout หลอก
  • ทำกำไรสองขั้นตอน ขายครึ่งหนึ่งของตำแหน่ง เมื่อถึงอัตรา 1.5 ความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเพื่อรักษากำไร จากนั้นใช้ตัวบ่งชี้ Chandelier Exit เพื่อกำหนดการออกจากตำแหน่งที่เหลือ
  • ระดับแนวรับ/แนวต้านจุดสำคัญ พยายามมองหารูปแบบที่มีระดับแนวรับและแนวต้านหลายครั้ง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของระดับที่เกิดขึ้น
  • เน้นการระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ ซึ่งเกิดจากรูปแบบการเคลื่อนไหวราคา แทนที่จะพยายามจับคู่กราฟให้เหมือนเป๊ะ

แนะนำกลยุทธ์ Breakout ที่จะทำให้ไม่ต้องกลัวโดนหลอก อีกต่อไป!

สวัสดีครับพี่ ๆ ทุกคนนน วันนี้น้อง เทรดสั้น ขยันซอย จะมาให้แนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์ Breakout กัน

  • ซึ่งถ้าพูดถึง Breakout พี่หลาย ๆ คนก็คงเริ่มต้นด้วยการวางแนวรับ (Support Line) และแนวต้าน (Resistance Line) แล้วนั่งรอช่วงเวลาสำคัญที่ราคาทะลุออกมาใช่ไหมครับ?
  • และเมื่อเห็นราคาทะลุแนวต้านไป ก็รีบเปิดคำสั่งซื้อทันทีด้วยความตื่นเต้น
  • แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนั้น? มาเตรียมตัวศึกษากันในวันนี้ได้เลย

และเมื่อวานนี้น้อง ก็ได้คำถามมาจากพี่จากทางบ้านท่านนึง ที่ถามเข้ามาว่า “แล้วเรา จะเทรดกลยุทธ์นี้ให้สำเร็จได้ยังไง? หรือมีเคล็ดลับอะไรบ้าง?” ซึ่งวันนี้น้องก็นำคำถามนี้มาตอบกันด้วยฮะ

เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กันไหมครับ?

พี่ ๆ ทำการตั้งแนวรับ (Support Line) และแนวต้าน (Resistance Line) เรียบร้อย! หลังจากนั้นก็รอให้ราคาทะลุผ่านอย่างใจจดใจจ่อ และทันทีที่เห็นราคาทะลุแนวต้าน ก็รีบเปิดออเดอร์ซื้อด้วยความตื่นเต้นสุด ๆ เพราะคิดว่ามันจะไปต่อได้อีกไกล แต่แล้วววว จู่ ๆ ราคาก็กลับพลิกกลับทางและร่วงลงอย่างไม่คาดคิด จนทำเอาอดกรี๊ดออกมาไม่ได้เลยคร้าบ

ทันทีที่เห็นราคาทะลุแนวต้าน เทรดเดอร์อาจรีบเปิดออเดอร์ซื้อด้วยความเร็วแสง เพราะคิดว่ามันจะไปต่อได้อีกไกล แต่แล้ว จู่ ๆ ราคาก็กลับพลิกกลับทางและร่วงลงอย่างไม่คาดคิด

คำถามแรกที่ต้องตอบคือ Breakout คืออะไร!?

Breakout คือการที่ราคาทะลุผ่านแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่เคยข้ามไม่ผ่านหลายครั้งในอดีต การ Breakout ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อราคาพุ่งทะลุหนึ่งในระดับสำคัญเหล่านี้ และสิ่งที่น่าสังเกตคือ เมื่อราคาทะลุผ่านได้ มันมักจะพุ่งขึ้นไปต่ออย่างรวดเร็ว ทำให้จุดที่ราคาทะลุผ่านนี้เป็น จุดเข้าเทรดที่ยอดเยี่ยม

Breakout คือการที่ราคาทะลุผ่านแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่เคยข้ามไม่ผ่านหลายครั้งในอดีต

แล้วเราจะหาจังหวะแบบนี้ได้ยังไง?

คำตอบก็คือ การใช้รูปแบบ Breakout (Breakout Patterns) ซึ่งในตลาด Forex นั้น ก็มีรูปแบบ Breakout หลายประเภทที่พี่ ๆ ควรทำความรู้จัก เช่น

  • Wedge
  • Flag
  • Rectangle
  • Triangle
  • Pennant

แต่ปัญหาที่น้องมักเห็นบ่อย ๆ ก็คือ หลายคนพยายามมองหารูปแบบราคาที่เหมือนเป๊ะกับตัวอย่างในภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ราคานั้นแทบจะไม่เคลื่อนไหวตรงตามภาพเลย

 

สิ่งสำคัญคือ พี่ ๆ ไม่ได้มองหารูปแบบราคาที่เหมือนในภาพเป๊ะ ๆ แต่กำลังมองหา แนวรับและแนวต้านสำคัญ ที่สร้างรูปแบบเหล่านั้น

แล้วรูปแบบไหนสำคัญที่สุด?

ขอบอกเลยนะครับว่า มันไม่สำคัญว่าพี่ ๆ จะได้เจอรูปแบบไหน ซึ่งไม่จำเป็นต้องจำชื่อของรูปแบบเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องเข้าใจคือ รูปแบบเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ

ให้มองหา แนวรับและแนวต้านสำคัญที่ทำให้เกิดรูปแบบ Breakout นี่คือหัวใจสำคัญ

วิธีหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการเทรดแบบ Breakout

จากตัวอย่างนี้ พี่ ๆ จะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่มีจุดสำคัญหลายจุดที่เป็นแนวรับและแนวต้าน ซึ่ง ยิ่งมีจุดสำคัญมากเท่าไหร่ ยิ่งดี เมื่อระบุได้แล้ว คราวนี้เราก็วาดเส้นแนวรับและแนวต้านเพื่อสร้างรูปแบบ Rectangle Pattern ขึ้นมา ถึงตรงนี้ดูเหมือนจะดีใช่มั้ยครับ แต่ปัญหาคือ ตรงนี้แหละที่หลายคนมักทำผิดพลาด!

ความผิดพลาดที่พบบ่อย

เมื่อเทรดเดอร์เห็นราคาทะลุผ่านแนวต้านแล้ว ก็มักรีบเปิดคำสั่งซื้อทันทีโดยไม่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นการ Breakout จริง ๆ

  • แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันกลายเป็นการ Breakout หลอก (False Breakout) และราคากลับทิศทางอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์ก็จะขาดทุนหนัก
  • เพราะเปิดออเดอร์ก่อนที่จะได้รับการยืนยันที่เพียงพอ นี่เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อย เลยครับ
  • ถ้าอยากป้องกันสิ่งแรกที่ต้องเข้าใจคือ “แท่งเทียนโมเมนตัม” (Momentum Candles)
    แท่งเทียนโมเมนตัมมีหลายรูปแบบเลยครับ

แต่ทั่วไปจะเป็นแท่งเทียนขนาดใหญ่ที่มีตัวแท่งยาว หรืออาจจะเป็นแท่งเทียนขนาดกลาง 3 แท่งที่เคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

ซึ่ง 2 รูปแบบนี้คือสิ่งที่เราจะมองหา น้องจะมาแสดงตัวอย่างให้ดู ในตัวอย่างนี้ เรามีราคาที่ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง (Higher Highs) หลายครั้ง ดังนั้นเราสามารถกำหนดระดับแนวต้านไว้ตามรูปนี้ เพราะราคามักกลับตัวหลายครั้งที่ระดับนี้ จากนั้นก็รอครับ

 


เราจะเห็นแท่งเทียนขนาดค่อนข้างใหญ่ก่อตัวและทะลุแนวต้านขึ้นไป ปัญหาคือ มีเพียงปลายของแท่งเทียนที่ทะลุออกไปเท่านั้น ซึ่งเราจะไม่นับสิ่งนี้ว่าเป็น “แท่งเทียนโมเมนตัม”

เพราะสำหรับเราจะนับเป็นแท่งเทียนโมเมนตัมได้ ตัวแท่งส่วนใหญ่จะต้องข้ามระดับแนวต้านไป นอกจากนี้ เรายังจะมองแท่งเทียนนี้ว่าเป็นแท่งเทียนโมเมนตัม ถ้าแท่งเทียนเขียวอยู่นอกเส้นแนวต้าน แต่ถ้ามันกลายเป็นสีแดง มันก็เป็นการทะลุหลอก (False Breakout) ไปนั่นเอง

การทะลุหลอก (False Breakout)

แสดงอีกหนึ่งตัวอย่าง เพื่อเสริมความเข้าใจ

ในตัวอย่างนี้ น้องได้ตั้งระดับแนวรับและแนวต้านเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นราคาก็ขยับไปมา และมีแท่งเทียนขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ทะลุแนวต้านออกไป

เราจะนับเป็นแท่งเทียนโมเมนตัมก็ต่อเมื่อมันมีตัวแท่งที่ใหญ่ หรือมีแท่งเทียนเขียวสามแท่งติดต่อกัน ซึ่งในรูปนี้ แท่งเทียนเขียวต่อกัน 3 แท่ง เป็นที่เรียบร้อย

  • แต่สิ่งนี้มันก็ไม่ใช่แท่งเทียนโมเมนตัมเหมือนกันครับ “เพราะตัวแท่งใหญ่ไม่พอ” ดังนั้นเราต้องรอการยืนยันเพิ่มเติม
  • หลังจากที่แท่งเทียนที่สองปรากฏขึ้น แต่มันยังคงเป็นแท่งเล็กอยู่
  • และอย่างที่เรากล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า เราจะนับเป็นแท่งเทียนโมเมนตัมก็ต่อเมื่อมันมีตัวแท่งที่ใหญ่ หรือมีแท่งเทียนเขียวสามแท่งติดต่อกัน
  • ดังนั้นก็ถึงเวลารอต่อไป จากนั้นแท่งเทียนเขียวที่สามก็ปรากฏขึ้น
  • ซึ่งเป็นสัญญาณ Bullish ที่ชัดเจนมาก นี่คือจุดที่เราตัดสินใจเข้าเทรด

จากจุดนี้พี่ ๆ ต้องเข้าใจว่า อาจเกิดขึ้นได้สามสถานการณ์ คือ

  1. ราคายังคงพุ่งขึ้นต่อไป
  2. ราคาย่อตัวกลับลงมาที่ระดับแนวต้าน แล้วดีดกลับขึ้นไปอีก
  3. ราคาทะลุแนวต้านแล้วกลับลงมาอีกครั้ง ซึ่งจะถือว่าเป็น False Breakout

แล้วเราควรทำอย่างไรดี?

หลาย ๆ คนคงสงสัยว่า ควรรอให้เกิดการ Pullback เลย หรือควรเข้าเทรดตอนนี้ดี? สำหรับน้องขอแนะนำว่า แทนที่จะรอการ Pullback น้องจะเข้าเทรดทันทีเมื่อแท่งเทียนโมเมนตัมปิด จากนั้นจะตั้ง Stop Loss ไว้ต่ำกว่าระดับ แนวต้าน (Resistance Level)

วิธีนี้ ถ้าราคาย่อตัวกลับลงมา (Pullback) และเด้งกลับจากแนวต้าน ราคาก็จะไม่ลงมาถึงระดับ Stop Loss ที่ตั้งไว้ และก็ยังสามารถทำกำไรได้ หรือหากราคาพุ่งขึ้นทันทีจากจุดนี้ เราก็จะอยู่ในสถานะเทรดเรียบร้อยแล้ว

และเมื่อพิจารณาแท่งเทียนนี้ ซึ่งเป็น แท่งเทียนโมเมนตัม (Momentum Candle) โอกาสที่สถานการณ์นี้จะเป็น False Breakout ก็ถือว่าต่ำมากครับ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง (ซึ่งมีโอกาสน้อย)

  • เราก็ได้มีการตั้ง Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงในกรณีที่ราคาตัดสินใจปรับตัวลดลงแล้วครับ
  • และต่อมาเมื่อเรามีจุดเข้าเทรด (Entry Point) แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวาง กลยุทธ์การออก (Exit Strategy)
  • เพราะ Breakout มักจะทำให้เรามีโอกาสทำกำไรสูง ดังนั้นถ้าเราเลือกใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) แบบปกติ เช่น 1.5:1 เราก็อาจพลาดโอกาสทำกำไร จากแนวโน้มที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ครับ

 

แนะนำการเก็บ กำไร (Profit)

น้องขอแนะนำให้พี่ ๆ เก็บ กำไร (Profit) ที่ได้มาเอาไว้ครึ่งนึง และอีกครึ่งก็ใช้ในการเทรดต่อ จากนั้นเราจะปรับจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ของเราไปยังจุดที่เรากำหนดไว้เป็นกำไรก่อนหน้า (Take Profit) และจุดถัดไปที่เราจะตั้งเป้าหมายสำหรับการทำกำไร จะถูกกำหนดโดยอินดิเคเตอร์ที่เรียกว่า Chandelier Indicator ซึ่งมีให้ใช้งานฟรีบน TradingView ครับ

หลังจากที่พี่ ๆ ได้ดึงอินดิเคเตอร์ Chandelier ออกมาใช้งานให้แล้ว เปลี่ยนค่า ATR Multiplier เป็น 2 สิ่งนี้จะช่วยกำหนดกลยุทธ์การหาทางออกจากการเทรดครับ ทำตามนี้ได้เลย

กลยุทธ์นี้จะทำให้เราจัดการความเสี่ยงและทำกำไรได้อย่างมีระบบครับ

  1. เราจะขายออกครึ่งหนึ่งเมื่อได้กำไรที่ระดับ 1.5 เท่า
  2. ให้อีกครึ่งหนึ่งวิ่งต่อไป (ปล่อยให้ราคาเพิ่มขึ้น)
  3. ตั้งจุดหยุดขาดทุนใหม่ (New Stop Loss) ไว้ที่จุดกำไรก่อนหน้านี้ (Old Take Profit)
  4. ออกจากการเทรดเมื่ออินดิเคเตอร์ Chandelier เปลี่ยนสี

และ เมื่อมาถึงจุดนี้เราจะขายตำแหน่งที่เหลืออยู่ทั้งหมด ให้พี่ ๆ ลองสังเกตว่ากำไรส่วนเกินที่เราได้รับเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน จากการขายเพียงครึ่งหนึ่ง ถ้าเราปล่อยขายทั้งหมดที่จุดกำไรระดับ 1.5 เราจะพลาดโอกาสทำกำไรที่เพิ่มขึ้นอีกมาก คุณจะเห็นได้ว่าราคาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการย่อตัว (Pullback)

กดไปดูคลิปฉบับเต็มได้ที่ How to Avoid False Breakouts (My Secret Technique)

สรุป

นี่ก็คือเหตุผลที่น้องชอบเข้าซื้อทันทีที่มีโอกาส เพราะส่วนใหญ่เมื่อราคาทะลุแนวต้าน (Breakout) มันมักจะพุ่งขึ้นโดยไม่มีการย่อตัวนั่นครับ และตอนนี้พี่ ๆ กำลังใช้ Breakout แบบไหนกันอยู่บ้าง หรือถ้ากำลังมองหาวิธีใหม่ ๆ ก็ลองใช้วิธีของน้องนี้กันดูได้นะคร้าบ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า น้องจะเอาความรู้ดี ๆ มาฝากกันอีกเหมือนเดิมครับ

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *