สำหรับพี่ ๆ เทรดเดอร์มือใหม่ที่ยังไม่รู้จักแนวทางการเทรดแบบ Scalping ดี น้องเทรดสั้น ขยันซอย อยากบอกแบบเน้นย้ำ ๆ เลยว่า เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่เทรดเดอร์ต้องมีทั้งความเร็ว และใช้ความแม่นยำสูง และจากการนำ 2 สกิลนี้มาผสานพลังคู่กันก็จึงจะเห็นผลกำไรได้ และวันนี้น้องเทรดสั้น ขยันซอย ก็มีความรู้ดี ๆ มาฝากกันอีกเหมือนเคย แต่ ขอแอบกระซิบนิดนึงสูตรนี้ใช้งานง่ายและยังเหมาะกับมือใหม่ด้วยนะ
ทางลัดในการเทรด Scalping ด้วยการใช้ TradingView + อินดิเคเตอร์
ถ้าเทรดเดอร์ใช้งาน TradingView ร่วมกับอินดิเคเตอร์ที่ถูกต้อง 2 พาร์ทเนอร์นี้ ก็จะทำให้การตัดสินใจเทรดของพี่ ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เอาละ ถ้าพร้อมแล้วมาดูเทคนิคและขั้นตอนเบื้องต้นที่เหล่าเทรดเดอร์มือใหม่ควรทำเมื่อใช้กลยุทธ์ Scalping กันเลย
เริ่มจากเราจะเข้าไปดูกราฟกันที่ TradingView
สำหรับพี่ ๆ มือใหม่ น้อง น้องเทรดสั้น ขยันซอย ขอแนะนำให้รู้จักกับ TradingView กันก่อน TradingView คือแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและใช้ในการสร้างกราฟราคาของสินทรัพย์การลงทุนต่าง ๆ เช่น หุ้น, ฟอเร็กซ์ (Forex), สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency), สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนและเทรดเดอร์ ที่ต้องการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ ทำให้สามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนั่นเอง
และใน TradingView ก็ยังอัดแน่นไปด้วยเครื่องมือและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เปิดให้เหล่านักลงทุนเข้ามาหยิบใช้ นำไปวิเคราะห์กราฟราคา สร้างกลยุทธ์การลงทุน และทำการเทรดได้แบบง่าย ๆ ซึ่งความเจ๋งของ TradingView อีกอย่างคือ เค้ามีความสามารถในการแสดงผลกราฟที่สวยงามและมีการใช้งานที่ยืดหยุ่นมาก ๆแถมยังมีอินดิเคเตอร์และเครื่องมือการวิเคราะห์ที่หลากหลาย อยากนำไปวิเคราะห์อะไร ก็มีให้เลือกเพียบ เลยคร้าบ
Ichimoku Kinko Hyo มีให้ใช้งานฟรีที่ TradingView
ทำความรู้จักกับอินดิเคเตอร์ “Ichimoku Oscillator” ผู้ช่วยของสายเทรด Scalping
และนี่คือพระเอกของวันนี้ ที่น้องอยากจะแนะนำให้พี่ ๆ เทรดเดอร์ทุกท่านได้รู้จัก เค้ามีชื่อว่า “Ichimoku Oscillator” ที่เป็นหนึ่งในเครื่องมือนำมาใช้วิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ประเมินทิศทางและแรงส่ง (momentum) ของตลาด Forex ได้ ซึ่งชื่อเต็ม ๆ ของเค้าคือ Ichimoku Kinko Hyo (อิจิโมกุ คินโกะ ฮโย) เค้าถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้สามารถประเมินแนวโน้ม ราคา และสัญญาณซื้อขาย ได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว ปานสายฟ้าแล่บ!
มาทำความรู้จักกับองค์ประกอบทั้ง 5 ของ Ichimoku และการอ่านค่า กันเถอะ!
เพื่อความโปรในการใช้งาน น้องเทรดสั้น ขยันซอย ขอแนะนำให้พี่ ๆ อ่านตรงนี้กันก่อนนะจ๊ะว่าการอ่านค่า Ichimoku เค้าอ่านตรงไหนยังไงกันบ้าง
วิธีสังเกตเส้นค่าเฉลี่ย Ichimoku Kinko Hyo
1. Tenkan-sen (Conversion Line)
หรือเส้นค่าเฉลี่ยสั้น คำนวณจากค่าเฉลี่ยของจุดสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 9 วันล่าสุด การอ่านค่า ใช้เพื่อดูแนวโน้มระยะสั้น หากเส้นนี้ขยับขึ้น หมายถึงแนวโน้มขาขึ้น และถ้าขยับลง หมายถึงแนวโน้มขาลง การตัดกันของ Tenkan-sen กับเส้นอื่น ๆ จะบ่งบอกสัญญาณซื้อหรือขาย เช่น เมื่อตัดกับ Kijun-sen (Base Line) ขึ้น เป็นสัญญาณซื้อ และเมื่อตัดลง เป็นสัญญาณขาย
2. Kijun-sen (Base Line)
เส้นค่าเฉลี่ยยาวกว่า คำนวณจากค่าเฉลี่ยของจุดสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 26 วันล่าสุด การอ่านค่า ใช้เพื่อดูแนวโน้มระยะยาวและเป็นเส้นยืนยันสัญญาณ ถ้า Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen แสดงสัญญาณซื้อ และถ้าตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen แสดงสัญญาณขาย
3. Senkou Span A (Leading Span A)
คำนวณจากค่าเฉลี่ยระหว่าง Tenkan-sen และ Kijun-sen แล้วเลื่อนเส้นไปข้างหน้า 26 วัน การอ่านค่า เป็นส่วนหนึ่งของเมฆ (Kumo) ช่วยบ่งบอกแนวรับและแนวต้านของราคา
4. Senkou Span B (Leading Span B)
มีการคำนวณจากค่าเฉลี่ยของจุดสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 52 วันล่าสุด แล้วเลื่อนเส้นไปข้างหน้า 26 วัน การอ่านค่า อีกส่วนหนึ่งของเมฆ (Kumo) ซึ่งถ้า Senkou Span A สูงกว่า Senkou Span B จะเกิดเมฆสีเขียว แสดงสัญญาณขาขึ้น ถ้า Senkou Span A ต่ำกว่า Senkou Span B จะเกิดเมฆสีแดง แสดงสัญญาณขาลง
5. Chikou Span (Lagging Span)
คำนวณจากราคาปิดในปัจจุบัน แล้วเลื่อนกลับไปในอดีต 26 วัน การอ่านค่า เป็นเส้นที่ใช้ยืนยันทิศทางแนวโน้ม หาก Chikou Span อยู่เหนือกราฟราคา หมายถึงแนวโน้มขาขึ้น หากอยู่ต่ำกว่ากราฟราคา หมายถึงแนวโน้มขาลง
6. การอ่านเมฆ (Kumo หรือ Cloud)
เมฆ (Kumo) เกิดจากการกั้นระหว่าง Senkou Span A และ Senkou Span B โดยที่ เมฆสีเขียว จะเป็นสัญญาณขาขึ้น แสดงว่าราคามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ส่วนเมฆสีแดง เป็นสัญญาณขาลง แสดงว่าราคามีแนวโน้มที่จะลดลง ส่วน ความหนาของเมฆ ก็มีความหมายนะ เพราะยิ่งเมฆหนา ก็แสดงว่าแนวรับและแนวต้านมีความแข็งแรงมากขึ้น ถ้าเมฆดูบาง ๆ จาง ๆ อาจบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้ม
แนวทางการตัดสินใจซื้อขายจาก Ichimoku
คราวนี้เรามาดู สัญญาณซื้อ – ขายกันต่อเลย
- ·สัญญาณซื้อ (Bullish Signal) Tenkan-sen ตัดขึ้นเหนือ Kijun-sen มีการตัดกันของเส้นเกิดขึ้นเหนือเมฆ (Kumo) และ Chikou Span อยู่เหนือกราฟราคา
- ·สัญญาณขาย (Bearish Signal) Tenkan-sen ตัดลงต่ำกว่า Kijun-sen มีการตัดกันของเส้นเกิดขึ้นใต้เมฆ (Kumo) และ Chikou Span อยู่ต่ำกว่ากราฟราคา
การตีความหมาย
- ถ้าราคาปิดอยู่เหนือเมฆ (Kumo) จะถือว่าอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
- ถ้าราคาปิดอยู่ต่ำกว่าเมฆ (Kumo) จะถือว่าอยู่ในแนวโน้มขาลง
- ถ้าราคาปิดอยู่ภายในเมฆ (Kumo) ตลาดอาจมีความผันผวนหรืออยู่ในภาวะ “ไม่แน่นอน” (Neutral)
การเข้ารับ/ปิดตำแหน่ง (Taking/closing positions) ของ Ichimoku
การใช้ Ichimoku ในการวิเคราะห์ การเทรดแบบ Scalping พี่ ๆ ต้องฝึกฝนการอ่านค่าเส้นต่าง ๆ ให้คล่อง และเมื่อคล่องแล้วก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามสภาวะตลาดที่กำลังเกิดขึ้นได้เลย และตอนที่น้องกำลังเขียนบทความอยู่นี้ Ichimoku เค้าก็เปิดให้ใช้งานได้ฟรีบน TradingView แต่! ก่อนที่จะไปเทสกันน้องอยากแนะนำพระรองอีกคนหนึ่งก่อนจ้า เค้าคนนี้แหละที่จะเข้ามาทำให้การเทรดสั้นของเรามีความเทพมากขึ้น!!
MA Ribbon R2 ใช้ดูแนวโน้ม (trend) ของราคา มีลักษณะคล้ายกับเส้นริบบิ้น
เปิดตัวพระรอง MA Ribbon R2 ที่จะนำมาใช้คู่กับ Ichimoku
มี แบทแมน ก็ต้องมีโรบิ้น ถ้าอยากเทรดสั้นเทพ ๆ ให้ใช้ Ichimoku แล้วสมทบด้วย MA Ribbon R2 (เอ็มเอ ริบบิ้น อาร์ทู) นี้เลย
มีให้ใช้งานฟรีบน TradingView เหมือนกันครับ ซึ่ง MA Ribbon R2 นี้ เค้าเป็นเครื่องมือทางเทคนิค ที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์กราฟราคาในตลาดการเงิน มีวิธีใช้งานหลักก็คือการดูแนวโน้ม (trend) ของราคา โดยใช้การวางเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average หรือ MA) หลายเส้นพร้อมกันในกราฟเดียว เพื่อทำให้เห็นถึงความแรงและความชัดเจนของแนวโน้มในช่วงเวลาที่ต่างกัน
เส้น MA เหล่านี้จะเรียงตัวกันเป็น “ริบบิ้น” หรือ “Ribbon” ที่จะบอกแนวโน้มของตลาดให้ชัดเจนมากขึ้น และริบบิ้น MA R2 นี้แหละที่จะเข้ามาช่วยถอดความเคลื่อนไหวของตลาดให้กับเรา โดยที่สีต่าง ๆ หมายถึง
· มะนาว = แท่งเทียนกระทิงปิดเหนือริบบิ้น
· สีเขียว = แท่งเทียนหมีปิดเหนือริบบิ้น
· สีแดง = แท่งเทียนกระทิงปิดต่ำกว่าริบบิ้น
· สีแดงเข้ม = แท่งเทียนหมีปิดต่ำกว่าริบบิ้น
· สีน้ำเงิน = แท่งเทียนหมีปิดอยู่ภายในริบบิ้น
วิธีใช้งาน Ichimoku Oscillator คู่กับ MA Ribbon R2 กับการเทรดสั้น
เอาละ ตอนนี้คุณก็มีทั้ง Ichimoku Oscillator และ MA Ribbon R2 ในคลังเครื่องมือการเทรดของคุณแล้ว คราวนี้มาเรียนรู้วิธีใช้งานกันเลย
สิ่งแรกที่นักลงทุนหน้าใหม่ต้องตระหนักเอาไว้เสมอ ก็คือ เราต้องการซื้อในราคาต่ำและขายในราคาสูง และ! “การลงทุน” ต้องไม่ใช่การทุ่มหมดตัวเหมือนการเล่นเกมในคาสิโน สมมุติว่าคุณต้องการซื้อเพื่อเทรดยาว
เราก็จะต้องรอให้ Ichimoku Oscillator ส่งสัญญาณซื้อมาก่อน ซึ่งต้องเป็นสัญญาณที่บอกว่า “ตลาดอาจจะกำลังขึ้นนะ” แต่ถึงมันจะส่งสัญญาณมาแล้ว ก็อย่าพึ่งตื่นเต้นกระโจนเข้าไป เพราะเราต้องดูก่อนว่า “ราคา” ที่เกิดขึ้นดำเนินคู่ไปกับ MA Ribbon R2 หรือไม่
วิธีใช้ Ichimoku Oscillator คู่กับ MA Ribbon R2 ในการเทรดสั้น
โดยเราจะรอให้แท่งราคาปิดเหนือ MA Ribbon R2 ก่อน คิดซะว่ามันเป็นการยืนยัน “ซ้ำ” ว่าตลาดกำลังขึ้นจริง ๆ ต่อมาเมื่อทั้งสองเงื่อนไขนี้ตรงกัน สิ่งนี้ก็คือสัญญาณไฟเขียวในการซื้อของคุณ แต่! ขอให้จำไว้ว่า การเทรดที่มี “ความรับผิดชอบ” ต้องมีระบบเซฟตี้ นั่นก็คือ “จุด Stop Loss” ที่จะเข้ามาช่วยจัดการความเสี่ยงของคุณหากตลาดเปลี่ยนทิศทางลง โดยที่คุณสามารถใช้จุดต่ำสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือจาก MA Ribbon R2 เป็นแนวทางในการตั้งค่า Stop Loss ได้
ส่วนการเอากำไรออกจากการเทรดก็สำคัญพอ ๆ กัน เราขอแนะนำให้คุณตั้งเป้าหมายอัตราส่วนกำไรต่อความเสี่ยงที่ 1 ต่อ 1.5 ซึ่งหมายความว่า สำหรับความเสี่ยงที่คุณรับมา คุณควรตั้งเป้าหมายกำไรที่ 1.5 เท่า ส่วนการขายเทรดสั้นก็ใช้หลักการนี้เพียงแต่จะกลับด้านกัน เริ่มจากให้คุณรอสัญญาณขายจาก Ichimoku ก่อน และยืนยันด้วยการเช็กราคาอยู่ต่ำกว่า MA Ribbon R2 การตั้งจุด Stop Loss และการตั้งค่าอัตราส่วนกำไรต่อความเสี่ยงก็ใช้วิธีเดียวกัน
สรุป
และสุดท้ายนี้ น้องเทรดสั้น ขยันซอย ขอย้ำว่ากลยุทธ์นี้เป็นเพียงเครื่องมือในการ “ช่วย” เทรด ไม่ใช่เวทมนตร์ที่จะเสกทุกอย่างได้ดั่งใจ การเคลื่อนไหวของตลาดเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ 100% ดังนั้นการเทรดทุกครั้ง ต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ และสติ อยู่เสมอ และถ้าพี่ ๆ อยากอัปเวล เพิ่มสกิลการเทรดของตัวเองให้เทพขึ้นมากกว่านี้ อย่าลืมติดตามบทความอื่น ๆ ของน้องต่อไป เพื่อที่จะได้สะสมพลังเป็นเทรดเดอร์ร่างทองไปด้วยกัน!
เข้าไปดูเทคนิคคลิปเต็มได้ที่ Easy 1-Minute Scalping Strategy for Beginners (TradingView + Indicators)